เมาส์(Mouse)
การพัฒนาเทคโนโลยีของเมาส์
"เมาส์" อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับคอมพิวเตอร์ เพราะถ้าขาดเมาส์ไปจะทำให้เกิดความลำบากในการที่จะเปิด-ปิดโปรแกรมต่างๆ แล้วรู้กันไหมว่ากว่าที่จะเป็นเมาส์ที่สามารถใช้งานได้สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ เมาส์นั้นได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไรบ้าง แต่ก่อนที่เราจะไปดูการพัฒนาเทคโนโลยีของเมาส์ เรามาทำความรู้จักกับเมาส์กันก่อนดีกว่า"เมาส์" เป็นอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อ และควบคุมการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวก เนื่องจากไม่ต้องจดจำคำสั่งสำหรับป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ ในการเลื่อนตำแหน่งของตัวชี้บนหน้าจอ ทำโดยการเลื่อนเมาส์ไปมาบนทุกๆ พื้นผิวเรียบ ซึ่งในการเลื่อนเมาส์แต่ละครั้งนั้นจะสัมพันธ์กับตำแหน่งของตัวชี้บนหน้าจอ และรับคำสั่ง เมื่อมีการกดปุ่มของเมาส์
หลังจากที่รู้จักกับเมาส์แล้ว เรามาดูกันต่อว่าเมาส์นั้นได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีอะไรบ้าง มีการทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อด้อยอะไรบ้าง ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีของเมาส์ขึ้น
Mechanical Mouse , Optical-Mechanical Mouse
1. Mechanical Mouse
ไปในทิศทางใดจะทำให้ลูกบอลเคลื่อนไปในทิศทางนั้น ซึ่งตัวลูกบอลจะกดแนบอยู่กับลูกกลิ้ง โดยแกนของลูกกลิ้ง จะต่อกับจานแปลรหัส (Encoder) ซึ่งบนจานจะมีหน้าสัมผัสเป็นจุดๆ ขึ้นอยู่กับความละเอียดของเมาส์ เมื่อจุดสัมผัสเลื่อน มาตรงแกนสัมผัส ก็จะสร้างสัญญาณบอกไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยลูกกลิ้งจะทำให้กลไกซึ่งทำหน้าที่ปรับแกนหมุน ในแนวแกน x และแกน y แล้วส่งผลไปเลื่อนตำแหน่งตัวชี้บนจอภาพ เมาส์ลูกกลิ้งถูกออกแบบมาให้มีโครงสร้างที่ง่าย มีรูปร่างที่พอเหมาะกับมือ และใช้งานได้สะดวก เนื่องจากสามารถนำเมาส์ลูกกลิ้งไปใช้ได้ทุกที่ แต่ควรใช้กับแผ่นรองเมาส์ที่เป็นพื้นผิวเรียบ ส่วนลูกกลิ้งนั้นต้องออกแบบ มาให้กลิ้งได้ง่าย ไม่ลื่นไถลมาก สามารถควบคุมความเร็วได้อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์ระหว่างทางเดินของเมาส์และจอภาพ 2. Optical-Mechanical Mouse เมาส์ประเภทนี้มีกลไกการทำงานคล้ายกับเมาส์ลูกกลิ้ง เพียงแต่ตัวตรวจรับการเคลื่อนที่ของจาน Encoder นั้นใช้เป็น LED โดยบนจานถูกเจาะรูรอบๆ ในด้านหนึ่งของจานไว้คอยกำเนิดแสง และอีกด้านหนึ่งจะมีทรานซิสเตอร์ไวแสงไว้คอยตรวจจับ แสงแทนการใช้การสัมผัส
3. Optical Mouse
ที่ต้องใช้งานบนพื้ผิวที่เรียบ และความรวดเร็วในการใช้งานที่ช้า อีกทั้งยังมีความละเอียดต่ำ ทำให้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นเมาส์ แบบใช้แสง การการทำงานของเมาส์ประเภทนี้ อาศัยหลักการส่งแสงจากเมาส์ลงไปบนแผ่นรองเมาส์ชนิดพิเศษ ซึ่งมีผิวมันสะท้อนแสง และเป็นตารางตามแนวแกน X และ Y โดยแกนหนึ่งเป็นสีน้ำเงิน อีกแกนเป็นสีดำ ตัดกันไว้คอยตรวจจับการเคลื่อนที่ ซึ่งบนเมาส์ จะมี LED 2 ตัวให้กำเนิดแสงออกมา 2 สี คือ สีดำและสีน้ำเงิน LED ที่กำเนิดแสงสีดำจะดูดกลืนแสงสีน้ำเงิน LED ที่กำเนิดแสงสีน้ำเงิน จะดูดกลืนแสงสีดำ ซึ่งตัวตรวจจับแสงเป็นทรานซิสเตอร์ไวแสง สีที่ตรวจจับได้จะบอกทิศทาง ส่วนช่วงของแสงที่หายไปจะบอกถึงระยะทางการเคลื่อนที่ ข้อดีของเมาส์ประเภทนี้ คือ ทำให้ตัดปัญหาการเคลื่อนที่ที่ไม่คล่องตัวของเมาส์ อันเนื่องจาก มีฝุ่นผงเกาะติดลูกบอลยางมากต้องถอดออกมาทำความสะอาดลูกบอลยางบ่อยๆ ดังนั้นเมาส์ประเภทนี้จึงสามารถ เคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก มีความถูกต้องของตำแหน่งที่ต้องการให้เคลื่อนที่ไปสูง และสามารถจะเคลื่อนเมาส์บนวัสดุอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องใช้แผ่นรอง เมาส์ไร้สายเป็นเมาส์ที่ทำงานด้วยกลไกแบบลูกกลิ้งหรือแบบแสงก็ได้ เพียงแต่ไม่มีสายต่อเท่านั้น เพราะจะใช้การส่ง สัญญาณผ่านตัวรับไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์แทนที่จะผ่านทางสายโดยตรง ซึ่งการพัฒนาเมาส์ไร้สายในช่วงแรกจะ อาศัยเทคโนโลยีอินฟราเรด แต่ต่อมามีการพัฒนาไปใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ ทั้งนี้เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีอินฟราเรด นั้นมีข้อจำกัดในเรื่องการส่งรับสัญญาณ เครื่องส่งและเครื่องรับจะต้องอยู่ในแนวทิศทางเดียวกันและห้ามมีอุปกรณ์ใดๆ ขวางแนวการรับ-ส่งของคลื่น โดยเด็ดขาด แต่สำหรับเมาส์ที่ใช้เทคโนโลยีความถี่คลื่นวิทยุนี้จะไม่มีปัญหาในเรื่องดังกล่าว ทำให้การใช้งานเมาส์มีความสะดวกมากขึ้นและใช้งานได้ในรัศมีความสะดวกมากขึ้น และใช้งานได้ในรัศมีที่กว้างขึ้น เนื่องจากคลื่นวิทยุสามารถทะลุผ่านอุปกรณ์กีดขวางใดๆ ได้ แต่จะต้องมีการติดตั้งเครื่องรับสัญญาณเพิ่มเติมที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อดีของเมาส์ประเภทนี้ คือ สามารถเลื่อนเมาส์ได้ในระยะที่อยู่ห่างจากคอมพิวเตอร์มากขึ้น เนื่องจากไม่มีสายเป็นตัวกำหนดขอบเขตการทำงานอีกต่อไป
5. Laser Mouse
เมาส์เลเซอร์ เกิดจากการคิดค้นและพัฒนาของ Logitech ซึ่งถือได้ว่าเป็นเจ้าแรก ที่ผลิตเมาส์เลเซอร์ออกมา
จุดน่าสนใจของเมาส์เลเซอร์อย่างแรกคือ ความแม่นยำ และการตอบสนองความต้องการของเมาส์ขณะทำงานที่ทำ
ได้เร็วกว่าเมาส์แบบใช้แสง เพราะเมาส์แบบใช้แสง ใช้หลอด LED เป็นตัวปล่อยแสง ซึ่งแสงที่ได้จากหลอด LED
นั้นเป็นเพียงหลอดไฟหลอดหนึ่งเท่านั้นการเดินทางของแสง ความแม่นยำ ความรวดเร็วในการทำงานย่อมด้อยกว่าเมาส์เลเซอร์
ที่ใช้แสงเลเซอร์เป็นตัวรับ-ส่งข้อมูลแทนแสงจากหลอด LED ข้อดีอีกข้อหนึ่งของเมาส์เลเซอร์คือ การใช้งานบนพื้นผิวที่มีความมัน
หรือไม่เรียบ พื้นไม้ ปกหนังสือ หน้าปกนิตยสาร ได้ค่อนข้างดี สะดวกกว่าเมาส์ออปติคพอสมควร แต่ข้อเสียของเมาส์ตระกูลที่
ใช้แสงไม่ว่าจะเป็นเมาส์เลเซอร์ หรือเมาส์ออปติค คือ ไม่สามารถใช้งานบนพื้นผิวที่สามารถสะท้อนแสงได้
6. Blue Track Mouse
ซึ่งคุณสมบัติของเทคโนโลยีนี้ใช้ลำแสงสีน้ำเงินแทนการใช้แสงสีแดงที่ใช้ในเมาส์เลเซอร์ทั่วๆ ไป สามารถทำให้เมาส์ใช้งานได้
บนทุกๆ พื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นบนพรม ไม้ หรือพื้นผิวขรุขระก็ตาม และในเมาส์ปกตินั้นจะมีการส่งลำแสงเลเซอร์ออกมา
อย่างต่อเนื่อง เมื่อวางบนพื้นผิวที่สกปรกหรือมีฝุ่น ก็จะขัดขวางการส่งสัญญาณข้อมูล ทำให้การทำงานผิดพลาดได้ง่าย
แต่การส่งลำแสงเลเซอร์ของเมาส์บลูแทร็คนี้ เป็นแบบไม่ต่อเนื่อง ดังนั้น มันจึงไม่อ่อนไหวต่อพื้นผิวที่มีฝุ่น
และสามารถส่งข้อมูลได้อย่างมีคุณภาพ
สรุป
จากข้อมูลข้างต้น เห็นได้ว่าไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม โครงสร้างและการทำงานของเมาส์ยังคงเหมือนเดิม
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ เทคโนโลยีที่ทำให้เมาส์สามารถพัฒนาไปได้เรื่อยๆ จากเมาส์ลูกกลิ้ง เมาส์แบบใช้แสง เมาส์แบบไร้สาย เมาส์เลเซอร์ และเมาส์บลูแทร็ค ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เมาส์ได้ถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ ก็เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับผู้ใช้ ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การพัฒนาของเมาส์นั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป จะพัฒนาต่อ หรือจะหยุดพัฒนาอยู่เพียงแค่นี้ คงต้องติดตามกันต่อไป แหล่งความรู้http://th.wikipedia.org/wiki/เมาส์ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น